วันพฤหัสบดีที่ 18 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

ใส่คอนแทคเลนส์ปลอดภัยไร้โรคตา

ข่าวสารทางการแพทย์


ใส่คอนแทคเลนส์ปลอดภัยไร้โรคตา
แท้ที่จริงแล้ว 'คอนแทคเลนส์ใช้เพื่อแก้ไขปัญหาสายตา เป็นตัวเลือกระหว่างการสวมแว่นสายตาที่อาจทำให้ดูไม่สวย-หล่อ แก่เกินวัย หรือการทำเลสิค ซึ่งใช้เลเซอร์เข้ามาช่วย แต่ค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูง
สำหรับคนที่เลือกใส่คอนแทคเลนส์ จะเพื่อแก้ปัญหาสายตาซึ่งถูกต้องตามหน้าที่การใช้งาน หรือเพื่อความสวยงาม อย่างการใช้ 'บิ๊กอายไม่ว่าคุณจะใช้คอนแทคเลนส์เพื่ออะไร แต่ก็ต้องระวังอันตรายที่อาจเกิดขึ้นกับดวงตา โดยผู้เชี่ยวชาญด้านกระจกตา พญ.ฉัตรชมพู วาทีสาธกกิจ’ จักษุแพทย์ประจำโรงพยาบาลจักษุ รัตนิน เผยถึงอาการผิดปกติ กรณีเกิดแผลกับดวงตาเพราะคอนแทคเลนส์ว่า...

"เริ่มแรกมักมีอาการตาแดง แพ้แสง น้ำตาไหล ปวด ตามัว บางครั้งขณะใส่คอนแทคเลนส์อยู่ อาการอาจไม่แสดงชัดเจน เนื่องจากแผลถูกคอนแทคเลนส์ประคบเอาไว้ คล้ายกับเราปิดพลาสเตอร์ที่แผล ดังนั้น ถ้ามีอาการที่รู้สึกไม่ปกติใดๆ ก็ตามเกิดขึ้นจากการใส่คอนแทคเลนส์ควรถอดออกทันที หรือกรณีตื่นเช้าแล้วมีความรู้สึกระคายเคือง แดง ไม่สบายตา ไม่ควรใส่คอนแทคเลนส์ และควรมาตรวจเพื่อให้แน่ใจว่าเป็นปัญหาใด" พญ.ฉัตรชมพู กล่าว
ส่วนการใช้คอนแทคเลนส์ที่ถูกต้องและปลอดภัย พญ.ฉัตรชมพู แนะนำให้พบจักษุแพทย์ ซึ่งจะตรวจความพร้อมหลายอย่าง ว่าสามารถใส่คอนแทคเลนส์ได้หรือไม่ วัสดุหรืออายุการใช้งานแบบใดที่เหมาะสม รวมทั้งการตรวจความพอดีของคอนแทคเลนส์ (Contact lens fitting) ให้ทราบว่า ขนาดพอดีกับความโค้งกระจกตา ไม่หลวม หรือแน่นเกินไป 

เมื่อได้คอนแทคเลนส์ที่พอดีทั้งขนาดและค่าสายตาแล้ว จะมีการสอนการใส่-ถอด รวมถึงการดูแลที่ถูกต้อง โดย พญ.ฉัตรชมพู ยกตัวอย่างขั้นตอนที่จักษุแพทย์แนะนำผู้ใช้ ว่าไม่ใส่คอนแทคเลนส์จนดึก เมื่อกลับถึงบ้าน ควรถอดออก เพื่อให้กระจกได้รับน้ำตา และออกซิเจนที่เพียงพอ ไม่ให้ใส่คอนแทคเลนส์นอน ว่ายน้ำ ดำน้ำ 
ส่วนการล้างทำความสะอาดคอนแทคเลนส์ ที่ถูกต้อง คือ ควรถูเลนส์เสมอ แม้ข้างขวดน้ำยาจะเขียนว่า“NO RUB” ซึ่งแปลว่าไม่ต้องถู แต่การถูเป็นขั้นตอนสำคัญที่สุดที่จะขจัดคราบเชื้อโรคได้ถึง 99 %
การล้างคอนแทคเลนส์ให้ใช้น้ำยาล้างคอนแทคเลนส์โดยเฉพาะ อย่าใช้น้ำเกลือ เพราะไม่มีคุณสมบัติในการฆ่าเชื้อแบคทีเรีย ที่สำคัญ ตลับเลนส์ให้เก็บในที่แห้ง ขัดก้นตลับเลนส์ ซึ่งมีลักษณะเป็นซี่ สัปดาห์ละครั้ง อาจใช้แปรงสีฟันสะอาดใหม่ๆ  กับน้ำสบู่ หรือ น้ำยาล้างจาน แล้วคว่ำให้แห้ง และควรเปลี่ยนตลับอย่างน้อยทุกๆ เดือน.
ขอบคุณข้อมูลจากเดลินิวส์ออนไลน์

พ.ญ.ฉัตรชมพู  วาทีสาธกกิจ จักษุแพทย์ประจำโรงพยาบาลจักษุ รัตนิน

พ.ญ.ฉัตรชมพู  วาทีสาธกกิจ จักษุแพทย์ประจำโรงพยาบาลจักษุ รัตนิน

เคล็ดลับ ถนอมดวงตาระหว่างใช้คอมพิวเตอร์

เคล็ดลับ ถนอมดวงตาระหว่างใช้คอมพิวเตอร์
ดวงตาคืออวัยวะสำคัญในการดูแลเป็นอันดับต้นๆ
ยิ่งคนใช่สายตาในการเพ่งคอมพิวเตอร์นานๆ
ต้องหาวิธีถนอมดวงตาให้ถูกต้อง
 พญ.ภัทรมน  บรรณประดิษฐ์ จักษุเแพทย์เฉพาะทางด้านกระจกตา
และการผ่าตัดตาเปิดเผยว่า
ปัจจุบันกลุ่มอาการทางสายตาที่เกิดจากการใช้คอมพิวเตอร์มีเพิ่มขึ้น
จากสถิติ ผู้ใช้คอม 50 % มีอาการทางสายตา
ทั้งนี้ตัวแปรที่ก่อให้เกิด อาการทางสายตามีหลายประการเช่น ภาวะตาแห้ง
@...ภาวะตาแห้งเกิดจากผู้ใช้คอมพิวเตอร์กระพริบตาน้อยลง
เนื่องจากมีสมาธิขณะทำงานหน้าจอคอมพิวเตอร์
ทำให้อัตราการกระพริบตกลง 20-22 ครั้งต่อนาที
เหลือเพียง 6-8 ครั้งต่อนาที เท่านั้น
ซึ่งการแก้ไขอาการนี้..
ผู้ใช้ คอมพิวเตอร์ต้องกระพริบตาถี่ขึ้น
ปรับความสูงจอคอมพิวเตอร์ให้พอเหมาะ
โดยระยะห่างระหว่างจอภาพและผู้ใช้คอมพิวเตอร์
ควรอยู่ระหว่าง 20-28 นิ้ว ระดับจอภาพ
จุดศุนย์กลางของคอมพิวเตอร์ควรอยู่ต่ำกว่าระดับสายตา
ประมาณ 4-9 นิ้วไม่ควรอยู่สูงหรือต้ำเกิน ไป
ควรอยู่ตรงด้านหน้าของผู้ใช้
นอกจากนี้อาจใช้น้ำตาเทียมหยอดตา
เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นแก่ดวงตา
นอกจากนี้อาจใช้แผ่นลดแสงจากคอมพิวเตอร์
ซึ่งทำจากวัสดุต่างกันเช่น ผ้าตาข่าย
นอกจากนี้บุคลทั่วๆไป
ควรตรวจสายตาปีละหนึ่งครั้งเพื่อวัดความดันตา
ดูประสาทตา และตรวจเช็คความผิดปกติของสายตาเสียแต่เนิ่นๆ
ขอขอบคุณที่มา หนังสือพิมพ์ คม ชัด ลึก ภาพประกอบจากหนังสือพิมพ์คมชัดลึกและ Internet

พญ.ภัทรมน บรรณประดิษฐ์ จักษุเแพทย์เฉพาะทางด้านกระจกตา
และการผ่าตัดตา โรงพยาบาลจักษุ รัตนิน
พญ.ภัทรมน บรรณประดิษฐ์  จักษุแพทย์เฉพาะทางด้านกระจกตาและการผ่าตัดตา โรงพยาบาลจักษุ รัตนิน

อาการตาล้ากับโลกดิจิตอล : ศูนย์เลสิคและรักษาสายตารัตนิน-กิมเบล ในเครือโรงพยาบาลจักษุ รัตนิน

โลกดิจิตอลกับการใช้สายตา
             ดูเหมือนความพยายามในการใช้กระดาษถนอมสายตาของคุณจะไม่ได้ผลเสียแล้ว เพราะในขณะเดียวกันคุณก็ยังคงนั่งอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์เป็นเวลานานๆ ที่น่าเป็นห่วงไปกว่านั้น โทรศัพท์มือถือและอุปการณ์เทคโนโลยีที่ฉลาดขึ้นยังเป็นตัวแปรทำให้คุณอยากที่จะใช้ประโยชน์จากพวกมันเพิ่มขึ้นและนั่นหมายความว่าคุณจะมีเวลาอยู่กับหน้าจอที่มีแสงจ้านานขึ้น จนเราและหลายคนสงสัยกันว่า อาการติดสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ตในชีวิตประจำวัน จะส่งผลเสียกับเราอย่างไร ซึ่งเราได้นำคำถามนี้ไปปรึกษา พ.ญ.อภิรดี ปรีชานนท์ ผู้เชี่ยวชาญทางด้านดวงตามาให้คุณ

ถาม : ผู้ชายที่คลั่งไคล์ (และคลั่งไคล้) โทรศัพท์ สมาร์ทโฟน อุปกรณ์ประเภทแท็บเล็ตจนเป็นนิสัย จากทั้งการเพ่งมองจอขนาดเล็กและแสงจ้าจะส่งผลต่อสายตาอย่างไรบ้าง
ตอบ : อุปกรณ์ทัชแพดและสมาร์ทโฟนมีขนาดเล็กกว่าจอคอมพิวเตอร์ ตัวหนังสือหรือภาพในอุปกรณ์ก็มีขนาดเล็ก ทำให้ต้องจ้องมองใกล้เพื่อให้เห็นชัด ทำให้กล้ามเนื้อตาต้องทำงานหนักมากขึ้นเพื่อปรับภาพให้ชัดเจน จะทำให้ตาล้าได้ง่าย หากทำได้ควรปรับขนาดตัวหนังสือให้ใหญ่ขึ้นเพื่อช่วยแบ่งเบาภาระการทำงานของกล้ามเนื้อตา ส่วนความเข้มของแสงที่ใช้ที่หน้าจอ และแสงที่ช่วยในการทำงานต้องมีระดับเหมาะสม ไม่สว่างจ้าจนระคายตา หรือสลัวจนมองไม่ชัด
ทิศทางของแสงสว่างแวดล้อมก็มีความสำคัญ หากผู้ทำงานถนัดขวา แสงควรส่องมาจากทางซ้ายมือ หลีกเลี่ยงแสงในมุมที่ตกกระทบหน้าจอแล้วสะท้อนเข้าตา เพราะจะทำให้สบายตา ตาพร่าได้ ระยะห่างของสิ่งที่ดูควรห่างจากตาประมาณ 35 เซนติเมตร การใช้งานสายตามากๆ ไม่ก่อให้เกิดอันตรายหรือโรคใดๆ ไม่ทำให้สายตาแย่ลง เพียงแค่ทำให้ไม่สบายตาจนอาจทำให้หงุดหงิด ประสิทธิภาพการทำงานลดล

อาการตาล้าเป็นอย่างไร
ตามีกล้ามเนื้อตาซึ่งใช้ในการกลอกตาและจ้องมอง การใช้สายตาเป็นเวลานานๆ กล้ามเนื้อตาต้องทำงานก็จะมีอาการเมื่อยล้าได้ อาการตาล้า เช่น ปวดกระบอกตา อาจมีอาการตึงไปขมับ ตึงไปท้ายทอย หากยังคงฝืนใช้ตาต่อไปโดยไม่พักอาจรู้สึกคลื่นไส้ได้ เราสามารถใช้งานสายตาได้ แต่ควรพักเป็นระยะทุกๆ 30 นาที
ที่มา : http://men.mthai.com/health-firm/5498.html
หมวด >> men >> health&firm
พญ.อภิรดี ปรีชานนท์ (Apiradi Prechanond M.D.)
จักษุแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านกระจกตา ศูนย์เลสิคและรักษาสายตารัตนิน-กิมเบล และโรงพยาบาลจักษุ รัตนิน
พญ.อภิรดี ปรีชานนท์ (Apiradi Prechanond M.D.) 
จักษุแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านกระจกตา ศูนย์เลสิคและรักษาสายตารัตนิน-กิมเบล และโรงพยาบาลจักษุ รัตนิน 


Rutnin-Gimbel helps you discard your reading glasses in 20 seconds with ultramodern non-invasive surgical procedure

Rutnin-Gimbel helps you discard your reading glasses in 20 seconds with ultramodern non-invasive surgical procedure
              
                Bangkok, 23rd May 2010 – Rutnin-Gimbel LASIK Centre launches INTRACOR®, the first ever in Thailand an innovative permanent treatment procedure for presbyopia without making a single surgical incision through the surface of the cornea.
ศูนย์เลสิคและรักษาสายตารัตนิน-กิมเบล : INTRACOR รักษาสายตายาวสูงอายุ

                The INTRACOR® procedure uses a high-tech laser called the TECHNOLAS® Femtosecond Laser, a state-of-the-art laser technology from Germany. The treatment safe, gentle, effective, and fast – takes only 20 seconds to perform. Patients return to their normal activities a few hours after treatment and their reading glasses are no longer needed.
           
               Ms. Orranuch Wiwatjaroenkit, Managing Director of Rutnin-Gimbel LASIK Centre, an integrated vision correction solutions provider for the past 19 years, stated that, “The rising trend of abnormal vision is brought on and accelerated by the globalized lifestyle, such as lengthy exposure to TV or computer monitors and improper lighting on a daily basis. Presbyopia is an inevitable consequence of growing old from the age of 40 years upward.

                To serve with the rising demand, Rutnin-Gimbel LASIK Centre introduces the ultramodern innovative laser procedure from Germany; TECHNOLAS® 217P Excimer Laser, as well as TECHNOLAS 520F Femtosecond Laser worth 70 million Bath to provide state-of-the-art treatment taking only 20 seconds to perform with absolute precision and no corneal wound.  The all laser procedure Femtosecond Laser also treats hyperopia, myopia, astigmatism and presbyopia. Patients return home with enhanced personality, as their glasses are no longer needed.

                Dr. Noparat Sujaritjantr, Medical Director of Rutnin-Gimbel LASIK Centre, stated that, the TECHNOLAS Femtosecond Laser is at present the only innovation of its kind in the world. “Using a state-of-the-art laser system for the treatment of presbyopia, the INTRACOR® procedure is performed by a very gentle all-laser procedure, which accurately adjusts the central shape of the cornea, the front of the eye, which allows patients to see near again permanently,” said Dr. Noparat.
น.พ.นพรัตน์  สุจริตจันทร์ ผู้อำนวยการศูนย์เลสิคและรักษาสายตารัตนิน-กิมเบล

                “The entire procedure is performed without making a single surgical incision through the surfaces of the cornea as the laser is targeted to only work within the cornea, in an area called the stroma. The INTRACOR® procedure uses the Femtosecond Laser to make a series of precise, microscopic concentric ring patterns in the stroma which result in a minor alteration to the corneal curvature to compensate for the presbyopia,” explained Dr. Noparat.

                “The INTRACOR® innovation is widely accepted in Europe not only with a success rate of 4,000 cases but also the incredible speed of less than 20 seconds to perform,” added Dr. Noparat.

                INTRACOR® technique provides flapless intrastromal correction to achieve reshaping of the cornea. This can be achieved while maintaining the integrity of the corneal surface. INTRACOR® treatment is an effective solution for presbyopia. Vision correction is now possible in the least invasive way imaginable.INTRACOR® has undergone the EC Conformity Assessment, and now carries the *CE Mark for the treatment of presbyopic hyperopes. Studies evaluating an even broader range of indications for FDA are already underway, added Dr. Noparat. 

                In general, the procedure was developed for people from 40 years and older. Rutnin-Gimbel LASIK Centre ophthalmologists will advise on the treatment options and determine if the patient is a suitable candidate for the INTRACOR® procedure.
ศูนย์เลสิคและรักษาสายตารัตนิน-กิมเบล : INTRACOR รักษาสายตายาวสูงอายุ

                Ms. Orranuch added that, the majority of Rutnin-Gimbel LASIK Centre patients are of C+ to A class in Bangkok and suburb area, and also such major cities as Chiang Mai, Phuket.  About 80% of the patients are aged between 20-40 years, and the rest from 40 years up.  Meanwhile 75% of the patients are choosing for LASIK treatment.  Rutnin-Gimbel LASIK Centre pursues a continuous development process and upholds an international service quality in both technology and modernity. 

                “The Centre is staffed with highly qualified and experienced professionals delivering customer delight to all groups of clients.  As the one and only eyes hospital where complete vision correction solutions provider, which is providing for every alternative in specialized eye care to offer the best possible treatment. Please visit our www.rutningimbel.com for more details,” said Mrs.Orranuch.

                *CE mark is a mandatory conformance mark on many products placed on the market in the European Economic Area. With the CE marking on a product the manufacturer ensures that the product is in conformity with the essential requirements of the applicable EC directives.
For further information, please contact: Public Relation Department Rutnin-Gimbel LASIK Centre

Credit รัตนิน-กิมเบล'สุดไฮเทคแค่ 20 วินาที รักษาสายตายาวสูงอายุ'ไม่ต้องผ่าตัด'

“รัตนิน” เปิดตัวนวัตกรรมใหม่ รักษาสายตายาว “ไม่ต้องผ่าตัด” รัตนิน-กิมเบล

“รัตนิน” เปิดตัวนวัตกรรมใหม่ รักษาสายตายาว “ไม่ต้องผ่าตัด”

              รัตนิน-กิมเบล เปิดตัวนวัตกรรมใหม่ INTRACOR ในการรักษาสายตายาวสูงอายุแบบถาวรโดยไม่ต้องผ่าตัดเป็นครั้งแรกในเมืองไทย ใช้เครื่องเฟมโตเซ็กเกิ้น (Femtosecond Laser) เครื่องเลเซอร์ที่ทันสมัยล่าสุดจากเยอรมนี ที่ให้ความ แม่นยำสูง และใช้เวลาในการรักษาเพียงแค่ 20 วินาที

              จากปัจจุบันแนวโน้มปัญหาผู้มีสายตาผิดปกติพบได้มากขึ้น นอกจากนี้ยังมีปัญหาจากภาวะสายตายาวสูงอายุเพิ่มสูงขึ้นเช่นกัน ส่งผลให้ศูนย์รักษาตาต้องมีการปรับตัว เพื่อรองรับกับปริมาณและควมต้องการของผู้มีปํญหาทางสายตาที่เพิ่มขึ้น

               ล่าสุดศูนย์รัตนิน-กิมเบล ได้นำเอานวัตกรรมการรักษาสายตาด้วยวิธีเลเซอรที่ทันสมัย และใหม่ล่าสุด จากประเทศ เยอรมนีเข้ามาสู่เมืองไทย ซึ่งประกอบด้วยเครื่อง TECHNOLAS 217P Excimer Laser และเครื่อง TECHNOLAS 520 F Femtosecond Laser มูลค่ากว่า 70 ล้านบาท โดยเป็นเทคโนโลยี ที่นอกจากจะรักษาสายตาสั้น ยาว เอียง ด้วยวิธีเลสิค โดยใช้ เลเซอร์ในทุกขั้นตอนการรักษา ที่ปราศจากการใช้ใบมีด (Femto LASIK ) แล้ว เครื่องดังกล่าวยังสามารถทำการรักษาสายตายาวสูงอายุได้อีกด้วย

               “การรักษาสายตาด้วยวิธี INTRACOR นี้ เป็นความล้ำหน้าล่าสุดในการรักษาสายตายาว สูงอายุด้วย Femtosecond Laser โดยไม่ต้องทำการผ่าตัด ทำให้ไม่เกิดการสูญเสียของเนื้อเยื้อของดวงตา” อรนุช วิวัฒน์เจริญกิจ กรรมการผู้จัดการศูนย์เลสิคและรักษาสายตารัตนิน-กิมเบล ในเครือโรงพยาบาลจักษุรัตนิน กล่าวและว่า “การยิงเลเซอร์เพื่อทำการรักษานั้น ช้เวลาเพียงแค่ 20 วินาที และสามารถใช้สายตาอ่านหนังสือโดยไม่ต้องใช้แว่นสายตา ภายใน 2-3 ชั่วโมงหลังการรักษา สร้างความมั่นใจในบุคคลิกใหม่ที่ไม่ต้องสวมใส่แว่นเพื่อการอ่านหนังสืออีกต่อไป”


ศูนย์เลสิคและรักษาสายตารัตนิน-กิมเบล นวัตกรรมในการรักษาสายตายาว
                น.พ.นพรัตน์ สุจริตจันทร์ ผู้อำนวยการแพทย์ ศูนย์เลสิคและรักษาสายตารัตนิน-กิมเบล กล่าวว่า เครื่อง Femtosecond Laser ที่ทางรัตนิน-กิมเบล ใช้รักษาผู้มีปัญหาสายตานี้ นับเป็นเทคโนโลยีล้ำหน้าล่าสุดในขณะนี้ และยังถือได้ว่าเป็นเครื่องรุ่นเดียวในโลกปัจจุบันนี้ ที่มีประสิทธิภาพในการรักษาสายตา ด้วยวิธี INTRACOR เป็นการรักษาสายตายาวสูงอายุแบบถาวรโดยไม่ต้องผ่าตัดเปิดหรือแยกชั้นกระจกตา

                นวัตกรรม INTRACOR เป็นที่ยอมรับอย่างมากในยุโรป โดยมีผู้ได้รับการรักษาด้วยวิธีดังกล่าว ทั่วโลกแล้วกว่า 4,000 ราย แม้ว่าการรักษาสายตายาวสูงอายุด้วยวิธี INTRACOR นี้ จะเหมาะสำหรับชาย-หญิงผู้ที่มีอายุ 40 ปีขึ้นไป อย่างไรก็ตาม จักษุแพทย์จะเป็นผู้วินิจฉัยว่าเหมาะสม หรือเข้าข่ายที่จะสามารถรับการรักษาด้วยวิธี INTRACOR หรือไม่ และให้คำแนะนำทางเลือกในการรักษาอื่นๆ ในกรณีที่ไม่เหมาะสมกับวิธีดังกล่าว

                ปัจจุบันลูกค้าส่วนใหญ่ของรัตนิน-กิมเบลเป็นกลุ่มลูกค้าระดับ C+ ถึง A ในเขตกรุงเทพฯ ปริมณฑล และตามจังหวัดใหญ่ๆ เช่น เชียงใหม่ ภูเก็ต และชาวต่างชาติ โดยมีสัดส่วนคนไทย 85% ต่างชาติ 15% โดยร้อยละ 80 มีอายุระหว่าง 20 - 40 ปี และที่เหลือจะเป็นผู้มีอายุ 40 ปีขึ้นไป ซึ่งส่วนใหญ่ ร้อยละ75 จะรักษาได้ด้วยวิธีเลสิค และยังมีคนไข้อีกจำนวนหนึ่งที่ไม่สามารถรักษาด้วยวิธีเลสิค

                รัตนิน-กิมเบลจึงมีนโยบายในการพัฒนาศักยภาพการรักษาอยู่ตลอดเวลา เพื่อให้ได้มาซึ่งคุณภาพและวิธีการรักษาที่ดีที่สุด ทำให้ปัจจุบันศูนย์เลสิครัตนินกิมเบล เป็นศูนย์รักษาสายตาแห่งแรกและแห่งเดียวในประเทศไทย ที่มีครบ ทุกวิธีการรักษาสายตาผิดปกติ อีกทั้งเป็นศูนย์รักษาสายตาที่มีความพร้อม ทั้งด้านเทคโนโลยีที่ดี ทันสมัยที่สุด และทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์สูง เป็นที่ยอมรับทั้งใน และ ต่างประเทศ


ที่มา http://www.manager.co.th/mgrWeekly/View ... 0000068127
___________________________________________________________________________________
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมโทร 0 2 639 3355
อีเมล์ info@rutningimbel.com
www.rutningimbel.com

เคล็ดลับการถนอมดวงตาเวลาใช้คอมพิวเตอร์

เคล็ดลับการถนอมดวงตาเวลาใช้คอมพิวเตอร์ article

สำหรับคนที่วันๆ ต้องนั่งทำงานอยู่หน้าคอมพิวเตอร์เป็นเวลานานๆ คงต้องเกิดอาการปวดตา ตามัว ตาแห้ง สายตาล้า หรืออาการทางสายตาอื่นๆ กันบ้าง ปัจจุบันอาการทางสายตาที่เกิดจากการใช้คอมพิวเตอร์มีเพิ่มขึ้น จากสถิติพบว่า ผู้ใช้คอมพิวเตอร์จำนวนมากกว่า 50% มีอาการปวดตา ตามัว ตาแห้ง สายตาล้า และปวดศรีษะ รวมทั้งมีอาการอื่นๆ เช่น ปวดเหมื่อยคอและหลัง ซึ่งอาการเหล่านี้มักจะเกิดขึ้นกับผู้ที่ใช้คอมพิวเตอร์มากกว่า 2 ชั่วโมงต่อวัน และยังมีตัวแปรอีกหลายประการที่ทำร้ายสายตาของเรา เช่น ชนิดของจอคอมพิวเตอร์ แสงสะท้อนจากจอคอมพิวเตอร์ ความสว่างของห้อง ท่านั่ง ฯลฯ

เคล็ดลับเพื่อถนอมดวงตาเวลาใช้คอมพิวเตอร์
1. กระพริบตาให้ถี่ขึ้น อาการตาแห้ง เกิดจากการที่เรากระพริบตาน้อยลง เนื่องจากมีสมาธิขณะทำงานหน้าจอคอมพิวเตอร์ อัตราการกระพริบตาจะลดลงจาก 20 - 22 ครั้งต่อนาที เหลือเพียง 6 - 8 ครั้งต่อนาที ถ้าไม่อยากตาแห้ง ควรจะกระพริบตาให้ถี่ขึ้น หรืออาจใช้น้ำตาเทียมหยอดตา เพื่อช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น
2. จัดวางคอมพิวเตอร์ให้เหมาะสม
ให้บริเวณหน้าต่างอยู่ทางด้านข้างของจอคอมพิวเตอร์ เพื่อลดแสงตกสะท้อนบนหน้าจอ ควรจัดให้มีระยะห่างระหว่างจอภาพกับตัวเราประมาณ 50 - 70 ซ.ม. จัดระดับจอภาพจากจุดศูนย์กลางของจอคอมพิวเตอร์ ให้อยู่ต่ำกว่าระดับสายตาประมาณ 4 - 9 นิ้ว ไม่ควรให้จอภาพอยู่สูงหรือต่ำเกินไป
3. ปรับความสว่างของห้อง ควรปิดไฟบางดวงที่ทำการรบกวนการทำงาน เพราะปัญหาส่วนใหญ่เกิดจากความสว่างที่มากเกินไป ถ้ามีแสงจ้าจากหน้าต่าง ควรใช้มูลี่เพื่อปรับแสงให้ผ่านได้เพียงบางส่วน และไม่เข้าตาโดยตรง หลีกเลี่ยงการใช้เฟอร์นิเจอร์ที่มีผิวสะท้อน เช่น โต๊ะสีขาว ควรใช้วัสดุที่มีผิวด้าน ที่สะท้อนแสงไม่มากจะดีกว่า
4. เลือกใช้ตัวอักษรขนาดใหญ่ เวลาพิมพ์งาน ควรเลือกใช้ขนาดของตัวอักษรที่ใหญ่พอ และปรับความเข้มของตัวอักษรให้มากขึ้น ซึ่งขนาดตัวอักษรและความเข้มที่เหมาะสมจะสังเกตได้จากการที่เราอ่านตัวอักษรได้ในระยะห่างเป็น 3 เท่าของระยะที่นั่งทำงาน หรือเลือกใช้จอคอมพวิเตอร์ชนิด LCD (จอแบน) ซึ่งจะช่วยถนอนสายตาได้ดีกว่าจอแบบเก่า (CRT)
5. เลือกใช้แว่นที่เหมาะสมกับการใช้คอมพิวเตอร์ ควรเลือกใช้เลนส์สีเขียวอ่อน ที่ช่วยให้สบายตาภายใต้แสงจากหลอดไฟฟ้าฟลูออเรสเซนต์ และเพื่อลดแสงสะท้อนจากจอภาพ โดยเลือกแว่นตาที่มีกำลังขยายสำหรับระยะ 50 - 70 ซ.ม. (ระยะกลาง) ซึ่งค่ากำลังของเลนส์ดังกล่าวจะแตกต่างจากเลนส์อ่านหนังสือ หรือเลนส์มองใกล้ทั่วไป
6. พักสายตา ทุกๆ ชั่วโมง ควรเปลี่ยนอริยาบถ หรือลุกขึ้นยืดเส้นยืดสายบ้าง เพื่อพักสายตาและป้องกันอาการปวดเมื่อยจากการใช้คอมพิวเตอร์ติดต่อกันเป็นเวลานาน
โปรดติดตามอ่าน "วิธีการบริหารกล้ามเนื้อตาแบบง่ายๆ" ในตอนต่อไป

[ที่มา: เอกสารเผยแพร่ ศูนย์เลสิคและรักษาสายตารัตนิน-กิมเบล (โรงพยาบาลจักษุ รัตนิน) http://www.rutningimbel.com]
ขอขอบคุณเว็ปไซต์ : http://www.happyoppy.com/index.php?lay=show&ac=article&Id=460478&Ntype=5

วันจันทร์ที่ 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

Ferrara ring implantation เฟอราร่า ริง วงแหวนรักษาโรคกระจกตาโป่ง KERATOCONUS

Ferrara ring implantation เฟอราร่า ริง วงแหวนรักษาโรคกระจกตาโป่ง KERATOCONUS

            เป็นการผ่าตัดที่ทำในผู้ป่วยโรคกระจกตาโป่ง(keratoconus) กระจกตาย้วย (Pellucid marginal degeneration) กระจกตาโป่งหลังทำเลสิค (Post-LASIK ectasia) และสายตาเอียงหลังได้รับการผ่าตัดเปลี่ยนกระจกตา (High astigmatism post keratoplasty) 

            ผู้ริเริ่มทำการผ่าตัดดังกล่าว คือ Dr. Paulo Ferrara โดยเริ่มตั้งแต่ปี 1996 ใช้หลักการที่ว่าการเสริมปริมาตรใดๆในเนื้อของกระจกตารอบนอกจะทำให้กระจกตามีความโค้งน้อยลง (แบนลง) มีผลทำให้กระจกตาที่มีความโค้งผิดปกติจากโรคดังกล่าวข้างต้นมีความโค้งที่สม่ำเสมอขึ้น แบนลง สายตาเอียงลดลง ส่งผลให้ผู้ป่วยมีการมองเห็นด้วยตาเปล่าชัดเจนขึ้น กระจกตามีความแข็งแรงมากขึ้น ทั้งนี้ยังช่วยชะลอการโป่งมากขึ้นของผู้ป่วยโรคกระจกตาโป่งได้ 

             Ferrara ring เป็นวงแหวนอะคริลิคซึ่งมีขนาดความหนาตั้งแต่ 0.15, 0.20, 0.25, 0.30 และ 0.35 มม. และ มีความยาวต่าง ๆ กันหลายขนาด การเลือกจำนวนของวงแหวนที่จะใส่ในเนื้อกระจกตา และ ชนิดของวงแหวนดังกล่าวขึ้นอยู่กับสภาพของกระจกตา ซึ่งจักษุแพทย์จะเป็นผู้ประเมินก่อนผ่าตัด

            วัสดุที่ใช้ทำวงแหวน Ferrara ring คือ อะคริลิก (PMMA : Polymethyl Methacrylate) ซึ่งเป็นวัสดุกลุ่มเดียวกับเลนส์เทียมที่ใช้ในการผ่าตัดต้อกระจก ดังนั้นวัสดุที่ใช้ถือว่าปลอดภัย ทั้งนี้ยังมีการปรับปรุงเพื่อลดเรื่องของแสงกระจายตอนกลางคืนด้วยการใช้วงแหวนที่เป็นสีเหลืองใส

ข้อดีของใส่วงแหวน Ferrrara ring คือ เป็นการผ่าตัดที่ไม่ผ่านส่วนตรงกลางของกระจกตาทำให้กระจกตรงกลางคงความใสเหมือนเดิม ตัวกระจกตาจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างถาวร กล่าวคือ เมื่อเอาวงแหวนดังกล่าวออก จะทำให้กระจกตามีความโค้งกลับมาใกล้เคียงเดิมก่อนผ่าตัด ใช้เวลาในการผ่าตัดไม่นาน ไม่มีการฉีดยาใด ๆ เพียงหยอดยาชา ผู้ป่วยไม่ต้องนอนโรงพยาบาล แผลผ่าตัดเล็กเพียงหนึ่งมิลลิเมตร




การผ่าตัดทำได้สองวิธี
FERRARA RING โรงพยาบาลจักษุ รัตนิน
Ferrara Ring : โรงพยาบาลจักษุ รัตนิน

1. วิธีแรกเป็นการผ่าตัดโดยไม่ใช้เลเซอร์ แผลผ่าตัดขนาดหนึ่งมิลลิเมตรจะถูกสร้างโดยมีดเพชร (diamond knife) ลงบนกระจกตา และเซาะร่องในกระจกตาด้วยเครื่องมือพิเศษในชั้นของกระจกตาลึกประมาณ70-80% จากผิวตา หลังจากนั้นจึงใส่วงแหวนตาม 

2. วิธีที่สองเป็นวิธีที่ใช้เลเซอร์(Femtosecond laser) ช่วยในการเซาะร่อง เลเซอร์จะช่วยทำให้เกิดร่องและแผลเช่นเดียวกับวิธีแรก ข้อดีของการใช้เลเซอร์คือทำให้ได้ความลึกที่แม่นยำกว่าและ กระจกตาแห้งน้อยกว่า 
สำหรับการดูแลหลังผ่าตัด งดน้ำเข้าตาประมาณสองสัปดาห์ ห้ามขยี้ตาเนื่องจากอาจทำให้วงแหวนเคลื่อนได้ สายตาจะคงที่ประมาณสามเดือนหลังผ่าตัด


ที่โรงพยาบาลจักษุรัตนิน เริ่มทำผ่าตัดดังกล่าวตั้งแต่ปี 2549 ซึ่งเป็นที่แรกในประเทศไทย ใช้ในการผ่าตัดผู้ป่วยโรคกระจกตาโป่ง (Keratoconus) กระจกตาย้วย (Pellucid marginal degeneration) กระจกตาโป่งหลังทำเลสิค (Post-LASIK ectasia) และสายตาเอียงหลังได้รับการผ่าตัดเปลี่ยนกระจกตา (High astigmatism post keratoplasty) ซึ่งผู้ป่วยกลุ่มดังกล่าวมีการมองเห็นที่จำกัดด้วยการใช้แว่นตา ผู้ป่วยที่ได้รับการผ่าตัดใส่วงแหวนมีจุดประสงค์เพื่อทำให้กระจกตาแข็งแรงขึ้น ชะลอหรือหยุดการดำเนินของโรคที่เป็น การมองเห็นด้วยตาเปล่าจะชัดเจนมากขึ้นและมีคุณภาพของการมองเห็นดีขึ้น หลังผ่าตัดสามารถใช้วิธีการักษาอื่นร่วมด้วยตามความเหมาะสมกับสภาพตา อันได้แก่ แว่นตา คอนแทคเลนส์ (นิ่มหรือกึ่งแข็ง) การใส่เลนส์เสริมในตา หรือแม้แต่การเปลี่ยนกระจกตาหากมีความจำเป็น

บทความทางการแพทย์โดย 

ศูนย์เลสิคและรักษาสายตารัตนิน-กิมเบล ในเครือโรงพยาบาลจักษุ รัตนิน 


----ปัจจุบันศูนย์เลสิคและรักษาสายตารัตนิน-กิมเบล เป็นที่แรกในประเทศไทยที่ใช้วิธีนี้ในการรักษาโรคกระจกตาโป่งด้วยวิธีเฟอร์ราร่า ริง โดยเริ่มตั้งแต่ปี 2549 โรคกระจกตาโป่ง จะส่งผลให้เกิดปัญหาสายตาสั้นปานกลางถึงมาก หรือมีค่าสายตาเอียงอย่างไม่เป็นระเบียบ ทั้งนี้สามารถสังเกตุอาการเบื้องต้นได้จากผู้ป่วยที่มีการเปลี่ยนค่าสายตาสั้นหรือเอียงอย่างรวดเร็ว และไม่สามารถแก้ไขด้วยแว่นตาหรือคอนแทคเลนส์ได้ หรือใส่แล้วหลุดบ่อย----